เนื้องอกต่อมไทมัส (thymoma)

ต่อมไทมัส เป็นอวัยวะในระบบการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีรูปร่างเหมือนผีเสื้อกางปีกวางตัวอยู่ระหว่างกระดูกหน้าอกและเยื่อหุ้มหัวใจ มีบทบาทในการสร้างและกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวชนิด T-cell เพื่อปกป้องร่างกายและต่อสู้กับเชื้อโรคร้าย โดยต่อมไทมัสจะทำงานเยอะที่สุดตั้งแต่ก่อนแรกคลอด และค่อยๆลดบทบาทลงจนถึงวัยรุ่น จากนั้นจะเริ่มฝ่อไปกลายเป็นเนื้อเยื่อไขมัน และไม่มีบทบาทในระบบภูมิคุ้มกันอีกต่อไป ดังนั้นในวัยผู้ใหญ่ต่อมไทมัสจึงไม่มีประโยชน์กับร่างกาย

Table of Contents

เนื้องอกต่อมไทมัส

พบได้น้อยประมาณ 2-3 ราย ต่อล้านคนต่อปี มีหลายชนิด ส่วนใหญ่ส่วนใหญ่ที่พบคือเนื้องอกต่อมไทมัสที่เรียกว่าไทโมม่า (thymoma)  โดยสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดแต่มีความเกี่ยวโยงกับยีนกลายพันธุ์บางชนิด โดยสภาพแวดล้อมยังไม่พบว่ามีผลต่อการเกิดเนื้องอกชนิดนี้ เนื่องจากเป็นเนื้องอกที่โตช้าและส่วนใหญ่ลุกลาม ช้า สมัยก่อน เนื้องอกกลุ่มนี้จึงถูกจัดอยู่ในกลุ่มเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง  แต่ในปัจจุบันมีหลักฐานหลายอย่างที่พบว่าเนื้องอกชนิดนี้คือมะเร็งที่ลุกลามอย่างช้าๆ  ดังนั้นในปัจจุบันจึงถือว่าเนื้องอกชนิดนี้เป็นมะเร็งและต้องได้รับการรักษาตามมาตรฐานของการรักษามะเร็ง

อาการแสดง

คนไข้ 30% จะไม่มีอาการ มักตรวจพบ ด้วยความบังเอิญจากการตรวจร่างกายระบบอื่น คนไข้กลุ่มนี้มักเป็นในระยะเริ่มต้น จึงมีโอกาสรักษาหายขาดสูง คนไข้อีกประมาณ 30% มาด้วยอาการของกลุ่มโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหนังตาตก (MG, myasthenia gravis) โดยกลุ่มนี้ก็มักจะพบในระยะเริ่มต้นเช่นกัน  คนไข้ ประมาณ 40% มาด้วยอาการที่เกิดจากการกดเบียดของก้อน เช่นเจ็บแน่นหน้าอก กลืนลำบาก หายใจลำบากเป็นต้น ซึ่งคนไข้กลุ่มนี้ ก้อนมักจะมีขนาดใหญ่และระยะของโรคเริ่มลุกลามขึ้น

การแบ่งความรุนแรงและระยะของโรค

จะพิจารณาเป็นสองระบบคือ

1 ชนิดของเซลล์

2 ขนาดและการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง

1 ชนิดของเซลล์

    ชนิดเอ เซลล์ที่พบจะเป็นเซลล์เยื่อบุรูปกระสวยที่กลายเป็นเซลล์มะเร็ง มีเซลล์ต่อมไทมัส(thymocytes) แทรกอยู่เล็กน้อย

จะเป็นชนิดที่ลุกลามน้อย โตช้าๆ 

     ชนิดเอบี เป็นเซลล์ที่เป็นชนิดเอ แต่มีสัดส่วนของเซลล์น้ำเหลือง Lymphocyte ที่ผิดปกติแทรกอยู่ในสัดส่วนเท่าๆกัน ลุกลามน้อย โตช้า

 

     ชนิดบี แยกเป็น 

      บี 1 มีเซลล์น้ำเหลือง Lymphocyte ที่ผิดปกติเป็นจำนวนมาก ร่วมกับเซลล์ต่อมไทมัสที่ผิดปกติปะปนกัน ลุกลามน้อย โตช้า 

      บี 2 มีเซลล์น้ำเหลือง Lymphocyte ที่ผิดปกติร่วมกับเซลล์เยื่อบุที่ผิดปกติปะปนกับเซลล์ต่อมไทมัสที่ผิดปกติ โตเร็ว พบการลุกลามไปอวัยวะข้างเคียงได้เร็วและบ่อย

     บี 3 มีเซลล์น้ำเหลือง Lymphocyte ที่ผิดปกติสัดส่วนน้อย ร่วมกับเซลล์เยื่อบุชนิดกระสวยที่ผิดปกติปะปนกับเซลล์ต่อมไทมัสที่ผิดปกติ มักอยู่บริเวณข้างๆหลอดเลือดที่เลี้ยงต่อมไทมัส

โตเร็ว พบการลุกลามไปอวัยวะข้างเคียงได้เร็วและบ่อย

2 ขนาดและการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง

แบ่งตาม TNM staging 9th edition ( T: ลักษณะก้อน N:การลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง M: การลุกลามไปอวัยวะอื่นๆ)

ระยะที่ 1 ก้อนอยู่ในต่อมไทมัส อาจอยู่ในแคปซูลหรือมีการโตออกนอกแคปซูลก็ได้ อาจลุกลามไปยังเยื่อหุ้มปอดที่คลุมต่อมไทมัสอยู่ แต่ยังไม่ลุกลามไปยังเยื่อหุ้มหัวใจ ยังไม่มีการแพร่ไปที่ต่อมน้ำเหลือง

ระยะที่ 2 ก้อนลุกลามไปยังเยื่อหุ้มหัวใจ ปอด หรือเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกระบังลม ยังไม่มีการแพร่ไปที่ต่อมน้ำเหลือง

ระยะที่ 3A ก้อนลุกลามไปเส้นเลือดดำใหญ่ส่วนบน เส้นเลือดดำที่พาดผ่านคอ ผนังหน้าอก หรือเส้นเลือดปอดที่อยู่นอกเยื่อหุ้มหัวใจ ยังไม่มีการแพร่ไปที่ต่อมน้ำเหลือง

ระยะที่ 3B ก้อนลุกลามไปที่เส้นเลือดแดงใหญ่ เส้นเลือดปอดที่อยู่ในเยื่อหุ้มหัวใจ หัวใจ หลอดลมหรือหลอดอาหาร ยังไม่มีการแพร่ไปที่ต่อมน้ำเหลือง

ระยะที่ 4A ก้อนทุกขนาด พบการแพร่ไปที่ต่อมน้ำเหลืองด้านหน้าเยื่อหุ้มหัวใจ หรือพบก้อนมะเร็งแยกกระจายออกไปบริเวณเยี่อหุ้มหัวใจหรือเยื่อหุ้มปอด

ระยะที่ 4 Bก้อนทุกขนาด ร่วมกับพบการแพร่ไปที่ต่อมน้ำเหลืองส่วนลึกในช่องอกหรือบริเวณคอ อาจพบก้อนมะเร็งแยกกระจายออกไปในปอดหรืออวัยวะอื่นๆนอกช่องอก

การรักษา

การรักษาที่ดีที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดก้อนมะเร็งรวมทั้งต่อมไทมัสออกทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะมีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงที่มีผลต่อชีวิต ก็ยังสามารถผ่าตัดได้ โดยผ่าตัดนำอวัยวะที่ถูกลุกลามออกไปด้วยกันทั้งหมด เช่นปอดบางส่วน เยื่อหุ้มหัวใจผนังหน้าอก เป็นต้น หากลุกลามไปยังหลอดเลือดดำก็ยังสามารถผ่าตัดออกและตัดต่อหลอดเลือดดำได้ เช่นกัน  

แต่หากลุกลามไปยังอวัยวะสำคัญที่เสี่ยงต่อชีวิตเช่นเส้นเลือดแดงใหญ่หรือหัวใจ การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง จึงแนะนำให้ใช้วิธีการอื่นเช่นการให้ยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสงจะปลอดภัยกว่า

ทางเลือกในการรักษา

หากยังอยู่ในระยะต้นๆ หรือลุกลามไปอวัยวะข้างเคียงที่ไม่เยอะสามารถ ผ่าตัดโดยการส่องกล้องแผลเล็กหรือผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดได้ 

  • ผ่าตัดส่องกล้องแผลเล็ก จะมีข้อได้เปรียบคือขนาดแผลเล็ก ฟื้นตัวไว ลดความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด เสียเลือดน้อยมาก สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็ว
  • ใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เป็นการผ่าตัดที่ดีที่สุดหากอยู่ในสถานพยาบาลที่สามารถผ่าตัดได้

ข้อได้เปรียบ : แขนหุ่นยนต์สามารถเข้าถึงบริเวณที่เล็กแคบได้นุ่มนวลและแม่นยำ แผลเล็ก ฟื้นตัวไว เจ็บน้อย เสียเลือดน้อยมาก

ส่วนการผ่าตัดแบบเปิดแผลบริเวณหน้าอกใช้ในกรณีก้อนลุกลามไปอวัยวะที่อันตราย ทำให้สามารถควบคุมการผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย

Reference

  1. NCCN guidelines version 2.2024 ; Thymomas and thyme carcinomas.

2 . Enrico Ruffini et al. The International Association for the Study of Lung Cancer Thymic  

    Epithelial Tumors Staging Project: Proposal for a Stage Classification for the Forthcoming 

    (Ninth) Edition of the TNM Classification of Malignant Tumors. Journal of Thoracic Oncology 

    Vol. 18 No. 12: 1655–1671.

  1. Geanphun, S., & Sakiyalak, P. (2019). Survival and Factors Predictive of Survival in Patients 

    with Thymic Carcinoma. Siriraj Medical Journal, 71(6), 472–479

  1. N. Girard et al. Thymic epithelial tumours: ESMO Clinical Practice Guidelines for diagnosis, 

    treatment and follow-up. Annals of Oncology 26 (Supplement 5): v40–v55, 2015

  1. Robert J Cerfolio et al. (2011) ; Starting a Robotic Program in General Thoracic Surgery : Why, How, and Lessons learned. Ann Thorac Surg, 2011; 91:1729-37.

Share :

บทความที่เกี่ยวข้อง

Scroll to Top